SCG แถลงผลประกอบการไตรมาส 2

SCG แถลงผลประกอบการไตรมาส 2

เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีแรกของปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เพิ่มความฟิตทางธุรกิจ

คุมเข้มบริหารต้นทุน เร่งส่งมอบสินค้าและนวัตกรรมตรงใจ ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง


กรุงเทพฯ : 25 กรกฎาคม 2567 – เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้น จากไตรมาสก่อน อานิสงส์เวียดนามและอินโดนีเซียฟื้นตัว เร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจ ฝ่ามรสุมเศรษฐกิจในประเทศ โตช้าและกระจุกตัว ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เน้นเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทน บริหารต้นทุน โฟกัสธุรกิจศักยภาพสูง ดึง AI ดันประสิทธิภาพการผลิต รุกเสิร์ฟโซลูชันโดนใจตอบโจทย์ลูกค้าทั่วอาเซียน ส่งปูนคาร์บอนต่ำสู่ตลาดโลก ปิโตรเคมีเวียดนาม จะกลับมาเริ่มทดสอบการเดินโรงงาน ภายในกันยายนนี้

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “ผลประกอบการเอสซีจีในไตรมาส 2 ปี 2567 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของเอสซีจี เคมิคอลส์ กำลังซื้อในตลาดอาเซียนดีขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซีย รวมทั้งมีรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น ส่งผลให้มีรายได้ 128,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวด 3,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 จากไตรมาสก่อน ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้ 252,461 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนยอดขายจากเอสซีจี เคมิคอลส์ ร้อยละ 39 เอสซีจีพี ร้อยละ 27 เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน ร้อยละ 16 เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิงและเอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ร้อยละ 13 และเอสซีจี เดคคอร์ ร้อยละ 5

แม้เอสซีจีได้รับผลกระทบจากวัฏจักรปิโตรเคมีโลก ยังอยู่ในช่วงขาลง ความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลาดแข่งขันสูงจากสินค้านำเข้าจากจีน เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้าจากกำลังซื้อที่อ่อนแอในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย เอสซีจีเร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจ สร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน ด้วย 1.) บริหารต้นทุนพลังงาน อาทิ ธุรกิจซีเมนต์ในไทยเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทนได้ร้อยละ 47 2.) โฟกัสธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น มุ่งธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจรสำหรับตลาดที่อยู่อาศัย โรงงานและนิคมอุตสาหกรรม 3.) ปรับปรุงการจัดเก็บ ขนส่ง กระจายสินค้า เช่น ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลวางแผนการจัดส่ง ตรวจรับสินค้า ช่วยลดเวลาทำงาน ลดความเสียหาย ลดโอกาสผิดพลาดในการรับ-ส่ง 4.) ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ใช้โซลูชัน AI จาก REPCO NEX ในการดูแลเครื่องจักรและซ่อมบำรุงได้อย่างแม่นยำ มีเสถียรภาพ (Reliability) ถึงร้อยละ 100 5.) มุ่งส่งมอบโซลูชันที่ฟังก์ชัน และราคาตรงกับความต้องการของลูกค้า อาทิ CPAC รถโม่เล็ก ขนาดกะทัดรัด สำหรับงานก่อสร้างในเมืองที่มีซอยเล็ก บรรทุกคอนกรีตได้มากสุด 2 คิวต่อเที่ยว ช่วยบริหารปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ได้ง่าย ลดการเหลือทิ้ง”

ในครึ่งปีแรกของปี 2567 การพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products Development – NPD) มียอดขาย 38,690 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของยอดขายรวม ขณะที่ นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services – HVA) มียอดขาย 77,037 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39 ของยอดขายรวม และสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice มียอดขาย 136,124 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของยอดขายรวม

การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมส่งออกจากไทย ครึ่งปีแรกของปี 2567 มียอดขาย 111,367 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44 ของยอดขายรวม

ครึ่งปีหลังของปี 2567 ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความท้าทายต่อเนื่อง แต่เอสซีจีพร้อมรับมือด้วยความคล่องตัวและมั่นคง มีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร 78,907 ล้านบาท รวมทั้งนวัตกรรมโซลูชันตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครบวงจร

✅เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชัน เร่งผลักดันปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชัน 2 ซึ่งสามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ร้อยละ 15-20 เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์เดิม โดยขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งได้สร้างความมั่นใจในคุณภาพการใช้งาน จนสามารถส่งออกสหรัฐอเมริกาได้แล้วมากกว่า 1 ล้านตัน ล่าสุด เปิดตัวปูนคาร์บอนต่ำรายแรกในเวียดนาม ‘SCG Low Carbon Super Cement’ ขณะที่ในไทยตลาดโตต่อเนื่อง สัดส่วนการใช้ทดแทนปูนแบบเดิมกว่าร้อยละ 86 พร้อมหนุนงานโครงการก่อสร้างภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ได้ออกปูนซีเมนต์หลากหลายรุ่น คุณภาพและราคาเหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครอบคลุมมากขึ้น เช่น แบรนด์ ‘5 STAR’ ในกัมพูชา ‘BEZT’ ในอินโดนีเซีย ‘ADAMAX’ ในเวียดนาม และ ‘แรด’ ในไทย

✅เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล ลุยเสิร์ฟสินค้าและบริการเรื่องบ้านผ่านร้านค้าปลีกกว่า 87 ร้านในอาเซียน โดยครึ่งปีแรกของปีได้ขยายโมเดิร์นเทรด ‘Mitra10’ ผู้เชี่ยวชาญตลาดค้าปลีกในอินโดนีเซีย มีสินค้ากว่า 65,000 รายการ เพิ่มอีก 2 สาขา ที่เกาะสุมาตรา และเกาะชวาตะวันตก ซึ่งมีประชากรจำนวนมาก รับลูกค้ามากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ตั้งเป้า 100 สาขา ในปี 2573 ปัจจุบันเปิดแล้ว 50 สาขา

✅เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง รุกนำเสนอนวัตกรรมวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ อาทิ กระเบื้องซีเมนต์ปูพื้น เอสซีจี หนุนรับนักท่องเที่ยว สามารถออกแบบลวดลายเอกลักษณ์ด้วยเทคนิคการพ่นสีเฉพาะ เช่น ลายดอกโบตั๋น สำหรับทางเท้าย่านเยาวราช พร้อมทั้งเปิดตัวนวัตกรรมระบบบำบัดอากาศเสีย Air Scrubber สำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ ONNEX by SCG Smart Living เจาะกลุ่มลูกค้างานอาคารและสำนักงาน ที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดน้อยกว่า 3,500 ตร.ม. พร้อมขยายบริการครอบคลุมอาเซียนและตะวันออกกลาง

✅เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) ดันแผนสร้างการเติบโต 2 เท่าภายในปี 2573 เริ่มเดินการผลิตโรงงานแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO กำลังผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดกว่า 500 ล้านบาท และเดินหน้าก่อสร้างโครงการผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง กลุ่มกระเบื้องพอร์ซเลน สวยงาม แข็งแรง เป็นที่นิยม 3 โครงการใหญ่ในประเทศเวียดนามและไทย คาดเริ่มเดินการผลิตปีนี้

ขณะเดียวกัน เอสซีจีขยายตลาดวัสดุก่อสร้างสู่อินเดีย โดย SCG International ร่วมกับบริษัทบิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น จำกัด ลงทุนเปิดโรงงานแผ่นผนังมวลเบา (AAC Walls) ภายใต้แบรนด์ ‘ZMARTBUILD WALL by NXTBLOC’ แห่งแรกในรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่การก่อสร้างมีมูลค่าสูงและเติบโตต่อเนื่อง

Website Contact : www.scgnewschannel.com

Website Contact : www.napapunsupply.com


บริษัท นภาภัณฑ์ ซัพพลาย จำกัด : สำนักงานใหญ่
ที่อยู่ 9/24 ชั้นที่ 3 หมู่ที่ 5 ถ.ศรีนครินทร์
ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10270

LINE ID : @napapun
โทร : 02-312-5104-5 , 086-344-1151 , 097-594-4935